ก้าวแรกสู่วันใหม่: ฟื้นฟูการเดินสำหรับผู้ป่วย Stroke อย่างเข้าใจง่าย
- Nuntapong Sudteen
- 17 ก.ย.
- ยาว 1 นาที

สวัสดีค่ะ สำหรับผู้ป่วย โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) และญาติผู้ดูแล หลายท่านอาจมีความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องการ
ฟื้นฟูร่างกาย โดยเฉพาะ "การเดิน" ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการกลับมาใช้ชีวิตประจำวันให้ได้อีกครั้ง
บล็อกนี้จะพาทุกท่านไปทำความเข้าใจเรื่องการทำกายภาพบำบัด รูปแบบการเดินที่มักพบในผู้ป่วย Stroke และช่วงเวลาสำคัญที่ต้องใส่ใจในการฟื้นฟู เพื่อให้คุณและคนที่คุณรักมีกำลังใจและแนวทางในการต่อสู้กับโรคนี้ไปด้วยกัน
ทำไมกายภาพบำบัดถึงสำคัญมากสำหรับผู้ป่วย Stroke?
ลองนึกภาพสมองของเราเป็นศูนย์บัญชาการที่คอยสั่งการให้ร่างกายเคลื่อนไหว เมื่อเกิดภาวะ Stroke ศูนย์บัญชาการนี้ได้รับความเสียหาย ทำให้การส่งสัญญาณไปยังกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ขาดหายไป กล้ามเนื้อจึงอ่อนแรงหรือขยับไม่ได้อย่างใจคิด
กายภาพบำบัด คือกุญแจสำคัญที่จะช่วย "สอนสมองให้ทำงานใหม่อีกครั้ง" นักกายภาพบำบัดจะเข้ามาช่วยกระตุ้นให้สมองสร้างเส้นทางประสาทใหม่ขึ้นมาทดแทนส่วนที่เสียหาย ช่วยให้กล้ามเนื้อที่อ่อนแรงกลับมาแข็งแรงขึ้น และฝึกการทรงตัวเพื่อให้ผู้ป่วยกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นคงและปลอดภัยที่สุด
รู้จัก "ท่าเดินแบบฉบับผู้ป่วย Stroke"
หลังจากเกิดภาวะ Stroke ผู้ป่วยจำนวนมากจะมีรูปแบบการเดินที่เฉพาะตัว ซึ่งเกิดจากกล้ามเนื้อที่อ่อนแรงครึ่งซีก (Hemiplegia) ลองสังเกตลักษณะเหล่านี้ดูนะคะ
ขาข้างที่อ่อนแรงจะเหยียดเกร็ง: ผู้ป่วยมักจะเหยียดเข่าและข้อเท้าตรง ไม่สามารถงอเข่าเพื่อยกเท้าขึ้นจากพื้นได้ตามปกติ
ก้าวเดินแบบวาดขาออกด้านข้าง: แทนที่จะก้าวขาไปข้างหน้าตรงๆ ผู้ป่วยจะใช้วิธี "ลาก" หรือ "วาด" ขาข้างที่อ่อนแรงเป็นครึ่งวงกลมออกไปด้านนอก เพื่อไม่ให้เท้าลากไปกับพื้น
ภาวะข้อเท้าตก (Foot Drop): ปลายเท้าของผู้ป่วยจะตกลง ทำให้เวลาเดินต้องยกสะโพกสูงกว่าปกติเพื่อไม่ให้ปลายเท้าสะดุดพื้น
ลำตัวเอนไปด้านตรงข้าม: เพื่อช่วยรักษาสมดุล ผู้ป่วยมักจะเอนตัวไปทางฝั่งที่แข็งแรงขณะก้าวเดิน
แขนข้างที่อ่อนแรงงอเข้าหาลำตัว: แขนซีกเดียวกับขาที่อ่อนแรงมักจะมีอาการเกร็ง งอข้อศอกและข้อมือเข้าหาหน้าอก
การเข้าใจรูปแบบการเดินเหล่านี้ จะช่วยให้ทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแลรู้ว่าควรจะโฟกัสที่การฝึกกล้ามเนื้อมัดไหน และต้องระมัดระวังเรื่องอะไรเป็นพิเศษระหว่างการฝึกเดิน
"หน้าต่างทอง" ของการฟื้นฟู: ควรทำกายภาพนานแค่ไหน?
นี่เป็นคำถามที่หลายคนสงสัยมากที่สุด คำตอบคือ "ยิ่งเร็ว ยิ่งดี และต้องทำอย่างต่อเนื่อง" ครับ/ค่ะ
วงการแพทย์มักจะพูดถึงช่วงเวลาที่เรียกว่า "Golden Period" หรือ "หน้าต่างทอง" ของการฟื้นฟู ซึ่งก็คือช่วง 3 - 6 เดือนแรก หลังจากป่วย
ทำไมช่วงนี้ถึงสำคัญที่สุด?: ในช่วง 3-6 เดือนแรก สมองจะมีความยืดหยุ่นและพร้อมที่จะเรียนรู้สร้างเส้นทางใหม่ๆ ได้ดีที่สุด (ทางการแพทย์เรียกว่า Neuroplasticity) การทำกายภาพบำบัดอย่างเข้มข้นและสม่ำเสมอในช่วงนี้ จะทำให้เห็นผลการฟื้นตัวได้ชัดเจนและรวดเร็วกว่าช่วงอื่นๆ
แล้วถ้าเลย 6 เดือนไปแล้วล่ะ?: การฟื้นฟูก็ยังสามารถทำได้อยู่! แม้ว่าอัตราการฟื้นตัวอาจจะช้าลง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่พัฒนาขึ้นแล้ว การทำกายภาพอย่างต่อเนื่องจะช่วยรักษาสภาพกล้ามเนื้อและความแข็งแรงที่มีอยู่ ป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น ข้อติดแข็ง และยังช่วยพัฒนาการเคลื่อนไหวให้ดีขึ้นได้เรื่อยๆ ครับ/ค่ะ
ต้องกลับมาฟื้นฟูซ้ำเมื่อไหร่?: การฟื้นฟูในผู้ป่วย Stroke ไม่ใช่คอร์สเรียนที่จบแล้วเลิกกันไป แต่มันคือ "การเดินทางระยะยาว" ผู้ป่วยควรทำกายภาพอย่างต่อเนื่อง และควรกลับไปพบนักกายภาพบำบัดเป็นระยะๆ (เช่น ทุก 3-6 เดือน) เพื่อประเมินร่างกาย ปรับโปรแกรมการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับความสามารถในขณะนั้น และตั้งเป้าหมายใหม่ๆ เพื่อให้เกิดการพัฒนาต่อไป
การฟื้นฟูร่างกายหลังป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมองอาจเป็นเส้นทางที่ยาวไกลและต้องใช้ความอดทนสูง แต่ไม่ใช่เส้นทางที่ต้องเดินคนเดียว การมีนักกายภาพบำบัดคอยแนะนำ มีครอบครัวคอยให้กำลังใจ และที่สำคัญที่สุดคือ "หัวใจที่ไม่ยอมแพ้" ของตัวผู้ป่วยเอง คือพลังที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ ทุกก้าวที่ฝึกเดิน ถึงแม้จะเป็นก้าวเล็กๆ แต่มันคือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่เสมอ

หากคุณหรือคนใกล้ชิดต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการทำกายภาพบำบัดในผู้ป่วย Stroke สามารถติดต่อสอบถามทีมงานของเราได้ที่ เบอร์ 063-9571279 Line ID: @PTHOMECARE เราพร้อมให้คำแนะนำและดูแลคุณในทุกย่างก้าวของการฟื้นฟู


_edited.png)


![1[1]_edited.png](https://static.wixstatic.com/media/275ef1_38ca9c53d0ec47d2b168a38757c415b5~mv2.png/v1/crop/x_1816,y_149,w_939,h_1319/fill/w_180,h_301,al_c,q_85,usm_0.66_1.00_0.01,enc_avif,quality_auto/1%5B1%5D_edited.png)





ความคิดเห็น